เช็กเลย ‘ขับขี่รถย้อนศร’ มีโทษอะไรบ้าง ปรับเท่าไหร่

เช็กเลย ‘ขับขี่รถย้อนศร’ มีโทษอะไรบ้าง ปรับเท่าไหร่

ขี่ย้อนศร มีโทษอะไรบ้าง พฤติกรรมการขับรถที่พบได้ในชีวิตประจำวันให้โทษต่อผู้ใช้รถบนท้องถนน และความผิดทางกฎหมาย มีอะไรบ้าง เช็กเลยที่นี่ สรุปให้แล้ว โทษของการขับรถย้อนศรมีอะไรบ้าง เพราะการขับรถย้อนศรเป็นพฤติกรรมมักง่ายที่พบเห็นได้ตามท้องถนน ล่าสุดก็มีข่าวเกี่ยวกับการขี่ย้อนศรที่สร้างความเดือดร้อนแก่เพื่อนร่วมทางบนถนนให้ได้เห็นกัน ครั้งนี้เดอะไทยเกอร์จึงรวบรวมโทษของการขี่ย้อนศรมาให้ผู้อ่านได้รับทราบกัน และไม่ปฏิบัติพฤติกรรมดังกล่าวซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายจากการชนได้ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเช็กกันได้เลยว่าขี่ย้อนศรมีโทษอะไรบ้าง

ขี่ย้อนศร มีโทษอะไรบ้าง

การขับรถรถสวนเลน หรือการขี่ย้อนศร เป็นพฤติกรรมการขับขี่รถยอดแย่และเห็นแก่ตัวบนท้องถนนที่คนไทยมักจะเห็นได้ตามเส้นทางต่าง ๆ เกือบทุกวัน หากยังไม่กล่าวถึงโทษทางกฎหมายก็ถือว่าการขี่ย้อนศรยังคงให้โทษที่หนักเหมือนกัน เพราะการขับรถสวนเลนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ เช่น การเฉี่ยวชนรถยนต์ของบุคคลอื่น ปัญหาจราจรติดขัดที่อาจตามมา หรืออุบัติเหตุที่มีโอกาสเกิดขึ้นถึงขั้นเสียชีวิตได้

ดังนั้นผู้ใช้ท้องถนนทุกคน ห้ามย้อนศร เด็ดขาด นอกจากจะเป็นหน้าที่พลเมืองที่ดีแล้ว ยังไม่เสริมสร้างความเห็นแก่ตัวให้กับตนเองอีกด้วย โทษทางกฎหมายของการขี่ย้อนศร การขับรถย้อนศรมีความผิดตามกฎหมายตามพ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 33 มาตรา 34 บทลงโทษตามมาตรา 151 จะโดนโทษสั่งปรับหากขับขี่ย้อนศรจำนวน 200 – 500 บาท

นอกจากนี้การขี่ย้อนศรยังมีโทษทางกฎหมายอาญา ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43 (8) มาตรา 160 (3) ฐานขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ผู้ขับรถย้อนศรจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือสั่งปรับจำนวน 2,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สุดท้ายนี้เดอะไทยเกอร์ขอให้ผู้ใช้ท้องถนนทุกคนไม่ขี่ย้อนศร เพื่อความปลอดภัยของตนเองและเพื่อนร่วมเส้นทางบนถนนกันนะครับ.

สภาพอากาศวันนี้ 20 สิงหาคม 2565 ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

สภาพอากาศวันนี้ 20 สิงหาคม 2565 พยากรณ์อากาศวันนี้ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ข่าวฝน ลมฟ้าอากาศวันนี้ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

กยศ. ชี้แจงกรณี ‘ล้างหนี้’ เผยหากยกเลิกย่อมกระทบคนรุ่นหลัง

กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ออกมาชี้แจงกรณีแคมเปญให้มีการ “ล้างหนี้” พร้อมทั้งให้เหตุผลถึงการไม่สามารถทำได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหลัง (19 ส.ค. 2565) นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นประเด็นที่มีข้อโต้แย้งในสื่อสังคมออนไลน์ #ล้างหนี้ กยศ. โดยการล่ารายชื่อเพื่อยื่นแก้ไขกฎหมายยกเลิก หนี้ กยศ. นั้น

กองทุนขอชี้แจงว่า กองทุนเป็นหน่วยงานของรัฐ ดำเนินการในลักษณะทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้มีการแสวงหาผลกำไร เพื่อให้โอกาสทางการศึกษากับนักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์โดยการให้กู้ยืมเงินด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 1% ต่อปี และให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 15 ปี

ปัจจุบัน มีผู้กู้ยืมได้รับโอกาสทางการศึกษาไปแล้ว 6,217,458 ราย เป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 696,802 ล้านบาท และกองทุนมีเงินหมุนเวียนจากการชำระคืนกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้กองทุนมีเงินให้นักเรียน นักศึกษารุ่นน้องกู้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นมา

โดยในปีการศึกษา 2565 กองทุนได้เตรียมเงินกว่า 38,000 ล้านบาท เพื่อรองรับผู้กู้ยืมจำนวนกว่า 600,000 ราย

ที่ผ่านมากองทุน กยศ. เป็นหน่วยงานที่ให้โอกาสและช่วยเหลือผู้กู้ยืมมาโดยตลอด ซึ่งการยกเลิกหนี้ กยศ. ไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาการเข้าถึงการศึกษา นอกจากจะส่งผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินแล้วยังส่งผลต่อบรรทัดฐานของสังคมด้านความซื่อสัตย์สุจริต ความรับผิดชอบและวินัยทางการเงินของคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นอนาคตของประเทศ ปัจจุบัน มีผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างชำระหนี้จำนวน 3,458,429 ราย เป็นยอดหนี้คงเหลือจำนวน 337,857 ล้านบาท หากยกเลิกหนี้ดังกล่าวจะทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา

อย่างไรก็ตาม กองทุนอยู่ระหว่างการปรับปรุงกฎหมายให้มีความผ่อนปรนและช่วยเหลือลดภาระของผู้กู้ยืม โดยจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ การแปลงหนี้ เพื่อขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระและลดอัตราเบี้ยปรับให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น และในขณะนี้กองทุนได้ขยายระยะเวลามาตรการลดหย่อนหนี้ช่วยเหลือผู้กู้ยืมต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 โดยลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% ต่อปี

สำหรับผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี ลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเหลือ 0.01% ต่อปี สำหรับผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุนและไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ยืมที่ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้และต้องการปิดบัญชีในคราวเดียว ลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ยืมทุกกลุ่มที่ชำระหนี้ปิดบัญชี ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมดให้มีสถานะปกติ (ไม่ค้างชำระ)

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป